ประวัติพระราม
พระราม คือ พระนารายณ์อวตาร (แบ่งภาค) ลงมา ถือกำเนิดเป็นพระราชโอรสของ
ท้าวทศรถ กับ นางเกาสุริยา เพื่อจะปราบทศกัณฐ์ พระรามมีพระอนุชาต่างพระ
มารดา ๓ พระองค์ คือ พระพรต พระลักษมณ์ และพระสัตรุต ซึ่งต่างก็มีความ
รักใคร่กันอย่างมาก พระมเหสีของพระราม คือ นางสีดา พระรามมีกายสีเขียว
สามารถปรากฏร่างเป็นพระนารายณ์มีสี่กรได้ อาวุธประจำพระองค์ คือ ศร
ซึ่งเป็นอาวุธวิเศษ ที่ได้ประทานมาจากพระอิศวร
บทบาทที่สำคัญในเรื่องรามเกียรติ์ ได้แก่
- เมื่อเยาว์วัยพระรามได้รับการศึกษาศิลปศาสตร์ กับสำนักฤาษีสวามิตร
หรือวิศวามิตร มีความเก่งกล้า ถึงกับฆ่ากากนาสูร และสวาหุ ซึ่งมารบกวนเหล่า ฤาษีชีไพร
พระราม คือ พระนารายณ์อวตาร (แบ่งภาค) ลงมา ถือกำเนิดเป็นพระราชโอรสของ
ท้าวทศรถ กับ นางเกาสุริยา เพื่อจะปราบทศกัณฐ์ พระรามมีพระอนุชาต่างพระ
มารดา ๓ พระองค์ คือ พระพรต พระลักษมณ์ และพระสัตรุต ซึ่งต่างก็มีความ
รักใคร่กันอย่างมาก พระมเหสีของพระราม คือ นางสีดา พระรามมีกายสีเขียว
สามารถปรากฏร่างเป็นพระนารายณ์มีสี่กรได้ อาวุธประจำพระองค์ คือ ศร
ซึ่งเป็นอาวุธวิเศษ ที่ได้ประทานมาจากพระอิศวร
บทบาทที่สำคัญในเรื่องรามเกียรติ์ ได้แก่
- เมื่อเยาว์วัยพระรามได้รับการศึกษาศิลปศาสตร์ กับสำนักฤาษีสวามิตร
หรือวิศวามิตร มีความเก่งกล้า ถึงกับฆ่ากากนาสูร และสวาหุ ซึ่งมารบกวนเหล่า ฤาษีชีไพร
- ท้าวชนกจักรวรรดิ์(ฤาษีชนก) ได้ให้หมู่กษัตริย์มาประลองยกศรรัตนธนู เพื่ออภิเษกกับนางสีดา
พระรามก็สามารถยกรัตนธนูได้สำเร็จ และได้อภิเษกกับนางสีดา
ระหว่างเดินทางกลับกรุงอโยธยา สามารถปราบรามสูร(ยักษ์ผู้ถือขวาน)
และได้รับศรจากรามสูร
พระรามก็สามารถยกรัตนธนูได้สำเร็จ และได้อภิเษกกับนางสีดา
ระหว่างเดินทางกลับกรุงอโยธยา สามารถปราบรามสูร(ยักษ์ผู้ถือขวาน)
และได้รับศรจากรามสูร
- ได้ฆ่าพระยาขร และพระยาทูษณ์ พี่ชายของนางสำมนักขา
- ระหว่างออกเดินป่า ได้ปราบพิราบยักษ์
- ได้ช่วยสุครีพปราบพาลี
- ไปรบกับทศกัณฐ์ และได้ฆ่าทศกัณฐ์ได้สำเร็จ
- สถาปนาพิเภกให้ครองกรุงลงกา
- ระหว่างออกเดินป่า ได้ปราบพิราบยักษ์
- ได้ช่วยสุครีพปราบพาลี
- ไปรบกับทศกัณฐ์ และได้ฆ่าทศกัณฐ์ได้สำเร็จ
- สถาปนาพิเภกให้ครองกรุงลงกา
ประวัติพระลักษณ์
พระลักษมณ์ คือ พญาอนันตนาคราช
ที่ประทับของพระนารายณ์มาเกิด
มีกายสีทอง เป็นพระโอรสของท้าวทศรถ
กับนางสมุทรเทวี มีพระอนุชาร่วมพระมารดา
คือ พระสัตรุต พระลักษมณ์มีความจงรักภักดี
ต่อพระรามมาก เมื่อพระรามต้องออกเดินป่า
ถึง ๑๔ ปี พระลักษมณ์ก็ได้ติดตามไปด้วย
และยังช่วยออกรบกับกองทัพของกรุงลงกา
อย่างกล้าหาญ
พระลักษมณ์ คือ พญาอนันตนาคราช
ที่ประทับของพระนารายณ์มาเกิด
มีกายสีทอง เป็นพระโอรสของท้าวทศรถ
กับนางสมุทรเทวี มีพระอนุชาร่วมพระมารดา
คือ พระสัตรุต พระลักษมณ์มีความจงรักภักดี
ต่อพระรามมาก เมื่อพระรามต้องออกเดินป่า
ถึง ๑๔ ปี พระลักษมณ์ก็ได้ติดตามไปด้วย
และยังช่วยออกรบกับกองทัพของกรุงลงกา
อย่างกล้าหาญ
ประวัติสีดา
นางสีดา คือ พระลักษมี มเหสีอของพระนารายณ์ อวตาร
ลงมาเกิด เพื่อเป็นคู่ครองของพระราม ตามบัญชาของ
พระอิศวร นางสีดา เป็นพระธิดาของทศกัณฐ์ กับนาง
มณโฑ แต่เมื่อประสูติแล้ว พิเภกได้ทำนายว่า นางเป็น
กาลกิณีแก่พระบิดาและบ้านเมือง ทศกัณฐ์จึงสั่งให้นำนาง
ใส่ผอบลอยน้ำไป พระฤาษีชนกพบเข้า จึงเก็บไปเลี้ยง
เป็นลูก โดยฝังดินฝากแม่พระธรณีไว้ เวลาผ่านไปถึง ๑๖ ปี
พระฤาษีชนกเบื่อหน่ายการบำเพ็ญพรต คิดกลับไปครอง
กรุงมิถิลาเช่นเดิม จึงลาเพศพรหมจรรย์ไปขุดนางขึ้นมา
แล้วตั้งชื่อให้ว่า สีดา (แปลว่ารอยไถ) จากนั้นพานางพา
นางเข้าเมืองมิถิลา จัดพิธียกศรคู่บ้าน คู่เมืองเพื่อ
เสี่ยงทายหาคู่ครองให้นางสีดา พระรามยกศรได้ จึงได้
อภิเษกสมรสกับนางสีดา
นางสีดา คือ พระลักษมี มเหสีอของพระนารายณ์ อวตาร
ลงมาเกิด เพื่อเป็นคู่ครองของพระราม ตามบัญชาของ
พระอิศวร นางสีดา เป็นพระธิดาของทศกัณฐ์ กับนาง
มณโฑ แต่เมื่อประสูติแล้ว พิเภกได้ทำนายว่า นางเป็น
กาลกิณีแก่พระบิดาและบ้านเมือง ทศกัณฐ์จึงสั่งให้นำนาง
ใส่ผอบลอยน้ำไป พระฤาษีชนกพบเข้า จึงเก็บไปเลี้ยง
เป็นลูก โดยฝังดินฝากแม่พระธรณีไว้ เวลาผ่านไปถึง ๑๖ ปี
พระฤาษีชนกเบื่อหน่ายการบำเพ็ญพรต คิดกลับไปครอง
กรุงมิถิลาเช่นเดิม จึงลาเพศพรหมจรรย์ไปขุดนางขึ้นมา
แล้วตั้งชื่อให้ว่า สีดา (แปลว่ารอยไถ) จากนั้นพานางพา
นางเข้าเมืองมิถิลา จัดพิธียกศรคู่บ้าน คู่เมืองเพื่อ
เสี่ยงทายหาคู่ครองให้นางสีดา พระรามยกศรได้ จึงได้
อภิเษกสมรสกับนางสีดา
นางเบญกาย
เป็นหลานของทศกัณฑ์ กายสีนวลจันทน์ ทรงรัดเกล้า เป็นบุตรพิเภกและนางตรีชฎา มีศักดิ์เป็นหลานทศกัณฑ์ ทศกัณฑ์จึงคิดอุบายให้นางแปลงกายเป็นนางสีดา แกล้งเป็นศพ ลอยไปถึงหน้าพลับพลากองทัพพระราม
พระรามนั้นด้วยความรักในนางสีดา เมื่อเห็ฯศพก็เสียใจเป็นที่สุด แต่หนุมานทูลเตือนสติว่า ศพนางสีดานี้มีพิรุธ เหตุใดจึงสามารถลอยมาถึงหน้าพลับพลากองทัพ จึงขอพิสูจน์โดยนำศพนางสีดามาแปลงเผาไฟ นางเบญจกายทนความร้อนของไฟไม่ได้จึงต้องกลับร่างเดิม แล้วเหาะหนีไป แต่หนุมานจับตัวได้ และได้เป็นภรรยา
ประวัตินางมณโฑ
เมื่อเอ่ยถึง “นางมณโฑ” ในเรื่อง “รามเกียรติ์” เชื่อว่าหลายคนคงจะรู้สึกคุ้นหูกับชื่อนี้ไม่น้อยไปกว่านามของนางสีดา นางเบญกาย หรือนางสุพรรณมัจฉา แต่ประวัตินางมณโฑเป็นมาอย่างไร คนส่วนใหญ่อาจจะยังไม่รู้ . . .
ทั้งๆ ที่เรื่องราวของนางก็น่าสนใจไม่น้อย ข้อสำคัญ แม้เธอจะมิใช่สาวแรงสูงผู้ไขว่คว้าหาความรัก
แต่เชื่อไหมว่าในเรื่องเธอต้องมี “สามี” ถึงสี่คน
เมื่อเอ่ยถึง “นางมณโฑ” ในเรื่อง “รามเกียรติ์” เชื่อว่าหลายคนคงจะรู้สึกคุ้นหูกับชื่อนี้ไม่น้อยไปกว่านามของนางสีดา นางเบญกาย หรือนางสุพรรณมัจฉา แต่ประวัตินางมณโฑเป็นมาอย่างไร คนส่วนใหญ่อาจจะยังไม่รู้ . . .
ทั้งๆ ที่เรื่องราวของนางก็น่าสนใจไม่น้อย ข้อสำคัญ แม้เธอจะมิใช่สาวแรงสูงผู้ไขว่คว้าหาความรัก
แต่เชื่อไหมว่าในเรื่องเธอต้องมี “สามี” ถึงสี่คน
เล่ากันว่าที่เชิงเขาหิมพานต์ มีฤาษีสี่ตน บำเพ็ญพรตอยู่เป็นเวลาช้านาน และมีตบะแก่กล้ามาก ทุกๆ เช้า จะมีนางโค 500 ตัว มาที่อาศรมของฤาษี และต่างก็จะหยดนมของตัวลงในอ่างแก้วเพื่อให้ฤาษีได้ฉันเป็นอาหารเช้า ซึ่งฤาษีก็จะแบ่งนมส่วนหนึ่งให้แก่นางกบตัวเมียตัวหนึ่งที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นเป็นประจำทุกวันเช่นกัน อยู่มาวันหนึ่งฤาษีทั้งสี่ออกไปป่า พบนางนาคตนหนึ่งกำลังเสพสังวาสกับงูดิน ฤาษีเห็นว่านางนาคเป็นสัตว์ตระกูลสูงกว่า ไม่น่าจะมาสมสู่กับงูดิน จึงได้เอาไม้เท้าเคาะไปที่ขนดหางนางนาคเบาๆ นางนาคกำลังร่านด้วยแรงราคะก็ยังไม่รู้ตัว ฤาษีจึงเคาะซ้ำไปที่กลางลำตัว นางนาคตกใจคลายขนด (ขะ-หฺนด หมายถึงตัวงูที่ขด หรือโคนหางงู) ออกมาเห็นฤาษี ก็รู้สึกอับอายขายหน้า จึงหนีกลับไปเมืองบาดาล กลับไปแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งคิดแค้นใจพระฤาษีที่ทำให้ตนได้รับความอับอาย และคิดว่าหากพระยากาฬนาคพ่อตนรู้เข้า นอกจากตนจะเสื่อมเสียแล้ว ก็อาจมีโทษถึงตาย เมื่อคิดได้ดังนั้น นางนาคจึงกลับไปอาศรมฤาษี แล้วคายพิษลงในอ่างน้ำนมที่ฤาษีทั้งสี่ต้องฉันทุกเช้า ฝ่ายนางกบเห็นเช่นนั้น ก็ตกใจ และด้วยความกตัญญูสำนึกในพระคุณของฤาษีที่เลี้ยงตนมา จึงตัดสินใจตายแทน ด้วยการกระโดดลงไปในอ่างนม และขาดใจตายเพราะพิษนางนาคนั้น
ครั้นฤาษีทั้งสี่กลับมาจะฉันน้ำนม เห็นนางกบนอนตายในนั้น ก็รู้สึกไม่พอใจคิดว่านางกบตะกละ แต่ก็ยังมีใจเมตตาอยู่ จึงชุบชีวิตนางกบขึ้นมาใหม่ แล้วสอบถามดูว่าทำไมประพฤติตัวโลภมากอย่างนี้ ให้กินทุกวันยังไม่พอใจอีกหรือ นางกบก็เล่าความจริงให้ฟังถึงเรื่องนางนาคมาคายพิษไว้ ฤาษีฟังแล้ว เห็นในคุณความดีของนางกบ จึงได้ทำพิธีก่ออัคคีแล้วร่ายมนตร์วิเศษ พร้อมโยนนางกบลงในไฟ ชุบชีวิตขึ้นมาใหม่กลายเป็นสาวที่มีรูปโฉมโนมพรรณงามกว่าหญิงใดในสวรรค์ทั้งหก ดังพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ ๑ ที่ว่า
"เดชะพระเวทสิทธิศักดิ์ พระวิษณุรักษ์รังสรรค์
เกิดเป็นกัลยาวิลาวัณย์ งามวิจิตรพิศพรรณขวัญตา
งามพักตร์ยิ่งชั้นมหาราช งามวิลาสล้ำนางในดึงสา
งามเนตรยิ่งเนตรในยามา งามนาสิกล้ำในดุษฎี
งามโอษฐ์งามกรรณงามปราง ยิ่งนางในนิมาราศี
งามเกศยิ่งเกศกัลยาณี อันมีในชั้นนิรมิต
ทั้งหกห้องฟ้าหาไม่ได้ ด้วยทรงลักษณ์วิไลไพจิตร
ใครเห็นเป็นที่เพ่งพิศ ทั้งไตรภพจบทิศไม่เทียมทัน"
เกิดเป็นกัลยาวิลาวัณย์ งามวิจิตรพิศพรรณขวัญตา
งามพักตร์ยิ่งชั้นมหาราช งามวิลาสล้ำนางในดึงสา
งามเนตรยิ่งเนตรในยามา งามนาสิกล้ำในดุษฎี
งามโอษฐ์งามกรรณงามปราง ยิ่งนางในนิมาราศี
งามเกศยิ่งเกศกัลยาณี อันมีในชั้นนิรมิต
ทั้งหกห้องฟ้าหาไม่ได้ ด้วยทรงลักษณ์วิไลไพจิตร
ใครเห็นเป็นที่เพ่งพิศ ทั้งไตรภพจบทิศไม่เทียมทัน"
จากพระราชนิพนธ์ข้างต้น จะเห็นได้ว่าหน้าตาของนางมณโฑเลิศล้ำสวยงามเพียงใด และจากที่นางมีกำเนิดมาจากกบ พระฤาษีจึงตั้งชื่อให้ว่า “นางมณโฑ” ที่แปลว่า “กบ” อันเป็นสถานภาพเดิมของนาง และเนื่องจากพระฤาษีเห็นว่านางเป็นหญิงสาวไม่เหมาะจะอยู่ด้วย เกรงเป็นที่ติฉินนินทาได้ จึงพร้อมใจกันพานางไปถวายพระอิศวร (พระศิวะ) พระอิศวรก็รับนางไว้ และให้ไปอยู่กับพระแม่อุมา พระชายาของพระองค์ นับตั้งแต่ไปอยู่กับพระอุมา นางมณโฑก็ตั้งใจปรนนิบัติรับใช้พระแม่เป็นอย่างดี จนเป็นที่เมตตาและพระแม่อุมาก็ได้บอกพระเวทย์ต่างๆ ให้
ต่อมาเขาไกรลาสเอียงทรุด เพราะยักษ์วิรุฬหกจากเมืองบาดาลโกรธสารภูตุ๊กแกที่ล้อเลียนตน จึงขว้างสังวาลนาคใส่ และเลยไปถูกเขาไกรลาสจนเอียง พระอิศวรจึงประกาศแก่เหล่าเทวดาทั้งหลายที่มาเฝ้าว่า หากใครยกเขาไกรลาสให้ตั้งตรงได้ จะมีรางวัลให้อย่างงาม ก็ปรากฎว่าไม่มีใครยกได้ พระอิศวรจึงต้องให้เทวดาไปตามทศกัณฐ์มายกให้จึงสำเร็จ ทศกัณฐ์ก็ทูลขอพระแม่อุมาเป็นรางวัล พระอิศวรแม้ไม่พอใจที่ทศกัณฐ์เหิมเกริม แต่เนื่องจากออกโอษฐ์ไปแล้ว ก็จำยอมประทานให้ตามขอ เพราะรู้ว่าอย่างไรเสีย ทศกัณฐ์ก็ต้องนำมาคืนแน่นอน ฝ่ายทศกัณฐ์พอได้รับประทานพระอุมา ก็ตรงเข้าไปอุ้มพระแม่อุมา แต่ครั้นถูกองค์พระแม่ ก็รู้สึกร้อนเหมือนถูกไฟไหม้ จึงจำต้องช้อนพระบาทพระอุมาทูนไว้บนหัว เหาะกลับเมืองลงกา เหาะต่อมาไม่นาน ก็รู้สึกร้อนจนทนไม่ได้ จึงต้องวางพระแม่อุมาลง และพาเดินต่อไป ส่วนเหล่าเทวดานางฟ้าเห็นทศกัณฐ์พาพระอุมาไปเช่นนั้นก็ตกใจ จึงพากันไปเฝ้าพระนารายณ์ให้ช่วยแก้ไข พระนารายณ์จึงออกอุบายแปลงเป็นยักษ์แก่ ปลูกต้นไม้เอายอดลงดิน รากชี้ฟ้า ทศกัณฐ์พาพระอุมาเดินผ่านก็สงสัยและแปลกใจ ถามว่าทำไมโง่ปลูกต้นไม้แบบนี้ ยักษ์แปลงก็ว่าทศกัณฐ์แหละโง่ ไปพาหญิงร้ายที่จะมาทำลายเหล่ายักษ์มาทำไม ไม่รู้จักขอของดีมา ทศกัณฐ์ได้ฟังก็ชักเห็นตาม เพราะตนเองพาพระอุมามาก็ร้อนเข้าใกล้ไม่ได้ จึงถามยักษ์แก่ดู ก็ได้รับคำแนะนำให้ไปขอนางมณโฑ ทศกัณฐ์จึงพาพระอุมาทูนหัวเหาะกลับไปคืนพระอิศวร และขอนางมณโฑมาแทน
ระหว่างพานางมณโฑเหาะกลับเมืองนั้น ถึงคราวเคราะห์ของทศกัณฐ์ที่เหาะผ่านเมืองขีดขินของพาลี พญาลิงที่กำลังว่าราชการอยู่ ทำให้พาลีไม่พอใจฉวยพระขรรค์เหาะไปขวางหน้าทศกัณฐ์ ครั้นเห็นนางมณโฑงามดั่งนางฟ้าก็นึกรัก จึงพาลหาเรื่องต่อสู้กับทศกัณฐ์ๆ พ่ายแพ้ พาลีจึงแย่งนางมณโฑมาได้ แล้วพากลับเมืองได้นางเป็นเมีย นางมณโฑนั้นแต่แรกก็ไม่ยินยอม แต่ก็ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ กอปรกับพาลีใช้ทั้งวาทศิลป์และเล่ห์ชายจนนางต้องยินยอมในที่สุด นับว่าพาลีเป็นสามีลิงคนแรกของนาง
ส่วนทศกัณฐ์นั้นเมื่อกลับกรุงลงกา ก็เสียใจที่แพ้และยังถูกแย่งนางมณโฑไป จึงคลุ้มคลั่งพาลทำร้ายนางสนมกำนัลในไปหมด ใครเอาใจอย่างไรก็ไม่ถูกใจ และไม่ว่าราชการนานถึงเจ็ดเดือน กุมภกรรณและพิเภกน้องชายจึงช่วยกันคิดหาวิธีแก้ไข ด้วยการไปเชิญพระโคบุตร อาจารย์ของทศกัณฐ์มา เมื่อทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว พระโคบุตรจึงไปหาพระอังคต อาจารย์ของพาลี เพื่อให้ว่ากล่าวพาลีให้คืนนางมณโฑแก่ทศกัณฐ์ พระอังคตจึงเดินทางไปหาพาลีกล่อมให้คืนนางมณโฑ และว่าพาลีทำไม่ถูกที่ไปแย่งเมียคนอื่นเขามา ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง พาลีไม่อยากคืน ก็อ้างว่านางท้องได้หกเดือนแล้ว ไม่อยากให้ลูกตนไปอยู่กับยักษ์ พระอังคตจึงว่าเรื่องนี้ไม่ยาก ท่านจะแหวะท้องนาง เอาลูกมาใส่ในท้องแพะไว้ก่อนจนกว่าจะคลอด พาลีบ่ายเบี่ยงอย่างไรก็ไม่เป็นผล แม้จะไม่เต็มใจ ก็จำต้องยอมคืนนางแก่ทศกัณฐ์ ครั้นนางมณโฑทราบเรื่องก็เสียใจ ร้องไห้จนสลบไป พระอังคตเห็นเป็นโอกาสดี จึงผ่าท้องเอาลูกนางไปใส่ในท้องแพะ และร่ายมนตร์วิเศษปิดท้องให้อย่างเดิม เมื่อนางฟื้นก็พาตัวไปคืนทศกัณฐ์ ส่วนลูกนางกับพาลีที่ฝากไว้กับท้องแพะ เมื่อถึงกำหนดสิบเดือน พระอังคตก็ทำพิธีผ่าออกมาจากท้องแพะ แล้วให้ชื่อว่า “องคต” เลียนชื่อท่านเองเพื่อเป็นมงคลนาม (นี่จะเห็นว่า การอุ้มบุญ มีมาแต่โบราณกาล แถมวิทยาการยังทันสมัยกว่าอีก เพราะให้สัตว์อุ้มท้องแทนก็ได้)
ส่วนทศกัณฐ์ได้นางมณโฑคืนมา ก็ดีใจพาเหาะกลับกรุงลงกา แล้วเกี้ยวพาราสีต้องเนื้อต้องตัวนาง จนในที่สุดก็ได้นางเป็นเมียสมใจ ถือเป็นสามีคนที่สอง นางมณโฑนั้น เมื่อเป็นเมียพาลีก็คงรักพาลี เพราะเป็นชายคนแรกของนาง ครั้นต้องมาเป็นเมียทศกัณฐ์ นางก็รักและจงรักภักดีต่อทศกัณฐ์เช่นกัน ดังจะเห็นได้ว่า เมื่อทศกัณฐ์ลักนางสีดามา และต้องทำสงครามต่อสู้กับพระราม พระลักษณ์และหนุมานยืดเยื้อเป็นเวลานาน จนต่างฝ่ายต่างต้องเสียไพร่พลไปมากมายนั้น ทศกัณฐ์ก็ได้สอบถามนางมณโฑว่า ตอนที่นางอยู่กับพระแม่อุมา ได้เรียนมนตร์วิเศษอะไรบ้าง นางก็ว่าเคยเรียนมนตร์ที่เรียกว่า “สัญชีพ” ไว้ ซึ่งมนตร์นี้ถ้าทำสำเร็จจะได้น้ำทิพย์อันวิเศษ ผู้ใดตายไปแล้ว หากพรมด้วยน้ำทิพย์นี้ ก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมา ใช้ให้ทำอะไรก็ได้ และยังสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ด้วย แต่มีข้อแม้ว่าผู้ทำพิธีห้ามพูด และห้ามร่วมเสน่หาระหว่างกระทำพิธี ทศกัณฐ์ได้ทราบก็ดีใจนัก รีบตั้งโรงพิธีให้นางมณโฑทันที ครั้นทำพิธีครบเจ็ดวัน ก็บังเกิดน้ำทิพย์ขึ้นในหม้อทองคำ นางมณโฑก็ให้รีบนำไปให้ทศกัณฐ์ที่สนามรบ ทศกัณฐ์จึงใช้น้ำทิพย์ประพรมไพร่พลยักษ์ที่ตายไป ทำให้เหล่ายักษ์ปีศาจฟื้นขึ้นมาช่วยต่อสู้ใหม่ และเข้าโจมตีไพร่พลวานรของพระรามจนแตกกระเจิงไป พระรามเห็นดังนั้น ก็สอบถามพิเภกดู เมื่อทราบความจริง จึงได้ส่งหนุมาน พร้อมด้วยวานรอีกจำนวนหนึ่งไปทำลายพิธี หนุมานจึงได้แปลงตนเป็นทศกัณฐ์ และให้พลพรรควานรที่ไปด้วยแปลงเป็นพวกทศกัณฐ์เดินทัพกลับเข้ากรุงลงกา ทำทีว่าชนะศึกกลับมาแล้ว จากนั้นหนุมานก็ตรงไปโรงพิธี ใช้เล่ห์กลหลอกนางมณโฑให้เข้าใจว่าตนเป็นทศกัณฐ์กลับมาขอบคุณนางที่ทำให้รบชนะ แล้วก็พานางกลับปราสาทโอ้โลมปฏิโลมจนได้ร่วมพิศวาสกับนาง ส่วนพลพรรควานรที่อยู่ข้างนอกก็ทำลายโรงพิธีจนหมดสิ้น
เมื่อหลอก “นอน”กับนางมณโฑ เป็นการทำลายพิธีได้สำเร็จแล้ว หนุมานแปลงก็ลานาง ทำทีว่าจะไปจับพิเภกที่หนีไปได้ จากนั้นก็กลับไปทูลพระรามว่าสามารถล้มพิธีได้แล้ว พระรามจึงสั่งให้สุครีพนำพลเข้าโจมตีพวกยักษ์ ฝ่ายทศกัณฐ์เมื่อต่อสู้ไปๆ น้ำทิพย์ที่จะพรมยักษ์ตาย ให้ฟื้นก็หมด ไม่เห็นมีใครมาส่งเพิ่ม แล้วยังถูกพวกลิงเยาะเย้ย ก็เอะใจ ขอพักรบ แล้วกลับเมือง ไปถึงเห็นโรงพิธีพินาศ จึงไปสอบถามและต่อว่านางมณโฑที่อยู่ในปราสาท และยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่อยู่ นางมณโฑก็เล่าเรื่องราวให้ทราบ ทศกัณฐ์ก็รู้ว่าเสียท่าหนุมานแล้ว ก็บอกเมีย นางมณโฑทั้งอับอายขายหน้า ทั้งเสียใจที่เสียตัวและเสียรู้หนุมาน จึงร้องไห้จนสลบไป ทศกัณฐ์ก็แก้ไขจนฟื้น แต่นางยังรู้สึกเสียใจร้องไห้รำพึงรำพันขอให้ทศกัณฐ์ฆ่านางเสีย เพราะนางทำให้เสียเกียรติสามี แต่ทศกัณฐ์นั้นทั้งรักและสงสารเมีย จึงปลอบโยนนางมณโฑ และว่าตนไม่ถือโทษโกรธนาง ถือเสียว่าเป็นกรรมเป็นเวรไปก็แล้วกัน ส่วนการต่อสู้ ตนก็จะหาวิธีอื่นต่อไป นางจึงค่อยคลายทุกข์ไป ดังนั้น หนุมานจึงเป็นสามีคนที่สาม แต่เป็นสามีลิงคนที่สองของนาง (พาลีเป็นคนแรก) แต่อย่างกรณีของหนุมาน จะนับว่าเป็นสามีจริงๆ จังๆ อย่างพาลี และทศกัณฐ์คงไม่ได้ เพราะเป็นการได้นางเป็นเมียแบบใช้เล่ห์กล และถ้านางรู้ก็คงไม่ยอมเป็นแน่
ต่อมาภายหลัง เมื่อหนุมานสามารถล่อลวงเอากล่องดวงใจของทศกัณฐ์มาจากพระโคบุตร อาจารย์ของทศกัณฐ์ จนทำให้พระรามฆ่าทศกัณฐ์ตายได้ในที่สุดนั้น ก่อนตายทศกัณฐ์ก็ได้ฝากฝังนางมณโฑไว้กับพิเภกน้องชาย ครั้นชนะศึกแล้ว พระรามก็ได้จัดพิธีราชาภิเษกให้พิเภก ได้ครองกรุงลงกาต่อมา โดยให้ชื่อใหม่ว่า “ท้าวทศคิริวงศ์” และประทานนางมณโฑให้ พิเภกจึงเป็นสามีคนที่สี่ และเป็นสามียักษ์คนที่สองของนางมณโฑ ต่อมานางมณโฑได้คลอดลูกชายชื่อ “ไพนาสุริย์วงศ์” ซึ่งเป็นลูกทศกัณฐ์ที่ติดท้องนางมณโฑมา ก่อนที่ทศกัณฐ์จะตาย แต่พิเภกไม่รู้ และเข้าใจว่าเป็นลูกตน จึงรักและชื่นชมเลี้ยงดูลูกนางเป็นอย่างดี ต่อมาไพนาสุริย์วงศ์รู้จากพี่เลี้ยงว่าทศกัณฐ์ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ตายไปแล้ว ส่วนพิเภกเป็นเพียงพ่อเลี้ยง จึงไปถามนางมณโฑดูจนรู้ความจริง จึงอุบายขอลาไปเรียนวิชา เมื่อเรียนจบก็แอบไปหาท้าวจักรวรรดิเพื่อนทศกัณฐ์ให้มาช่วยแก้แค้นพิเภก จับพิเภกขังคุก และท้าวจักรวรรดิ์ก็ได้ตั้งไพนาสุริย์วงศ์ลูกทศกัณฐ์กับนางมณโฑครองกรุงลงกาแทน โดยตั้งนามใหม่ให้ว่า “ทศพิน” ต่อมาทศพินก็ต้องตายไปเพราะมีการสู้รบแก้แค้นไปมา ส่วนนางมณโฑแม้จะได้ห้ามลูกไว้แต่แรกแล้ว แต่ทศพินหรือไพนาสุริย์วงศ์ก็ไม่ฟัง จึงต้องตายไปในที่สุด นางมณโฑเองก็เกือบต้องโทษในฐานะเป็นแม่ด้วย แต่พอดี “องคต” ลูกชายอีกคนที่เกิดกับพาลี มีความดีความชอบ จึงรอดพ้นโทษมาได้ ซึ่งเนื้อหารามเกียรติ์ตอนต่อไปยังมีอีกมาก แต่มิได้กล่าวถึงนางมณโฑอีก
จะเห็นได้ว่าชีวิตของ “นางมณโฑ” นางกบที่พระฤาษีอุตส่าห์ชุบชีวิตให้เป็นสาวงาม แม้ว่าจะต้องมีผัวถึงสี่คน แต่ถ้าอ่านตามเนื้อเรื่องแล้ว จะเห็นได้ว่านางมิใช่หญิงที่จงใจใช้ความงามหว่านเสน่ห์เพื่อหาสามีเลย ตรงกันข้าม การมีสามีแต่ละครั้งแต่ละหน ล้วนอยู่ในภาวะจำยอมทั้งสิ้น นั่นคือ ไม่ถูกยกให้ ก็ถูกแย่ง หรือถูกหลอก โดยเมื่อแรกอยู่กับพระแม่อุมาดีๆ ก็ถูกยกให้ทศกัณฐ์ ยังไม่ทันอยู่กินกับทศกัณฐ์ก็ถูกแย่งไปเป็นเมียของพาลี แล้วถูกพากลับมาเป็นเมียทศกัณฐ์อีก ครั้นแล้วก็ต้องตกเป็นเมียหนุมานโดยไม่รู้ว่าถูกหลอกขณะทำพิธีช่วยทศกัณฐ์สามี และท้ายสุดก็ถูกยกให้เป็นเมียน้องสามีคือพิเภกอีก นางมณโฑจึงนับเป็นสาวงามผู้อาภัพยิ่งนัก แม้นางจะมากผัว เป็นผัวลิงบ้าง ผัวยักษ์บ้าง แต่ก็กล่าวได้ว่า นางมิใช่ผู้หญิงประเภทมั่วรัก กลับเป็นหญิงที่ดีงามคนหนึ่ง เพราะนางจงรักภักดีต่อสามีทุกคน
(ยกเว้นหนุมานเพราะได้ด้วยเล่ห์กล)
มิฉะนั้นแล้ว เราอาจจะมี วลีเสียดสีผู้หญิงที่มีสามีหลายคนเพิ่มจากนางวันทอง โมรา กากี โดยต่อท้ายว่า นางมณโฑมากผัวก็ได้
(ยกเว้นหนุมานเพราะได้ด้วยเล่ห์กล)
มิฉะนั้นแล้ว เราอาจจะมี วลีเสียดสีผู้หญิงที่มีสามีหลายคนเพิ่มจากนาง
นางสุพรรณมัจฉา เป็นธิดาของทศกัณฐ์กับนางปลา เป็นพี่น้องร่วมบิดากับนางสีดา ถึงแม้นางจะเป็นถึงธิดาของเจ้าผู้ครองกรุงลงกา แต่เจ้าหญิงองค์นี้ ก็ไม่มีโอกาสจะอยู่ในเวียงวังดังผู้อื่น เพราะนางอยู่ได้เฉพาะแต่ในน้ำ ดังนั้นที่อยู่ของนางจึงอยู่กลางทะเลใหญ่
หลังจากแผน "นางลอย" ของทศกัณฐ์ล้มเหลว กองทัพวานรของพระรามก็ได้เคลื่อนพลตรงมาอย่างรวดเร็วจนถึงฝั่งทะเล และถมหินเป็นเส้นทางใหญ่ ตัดผ่านห้วยน้ำมุ่งหน้าข้ามสู่ฝั่งลงกาอย่างขมีขมัน ข่าวจากแนวหน้าชิ้นนี้ทำให้ทศกัณฐ์เริ่มวิตกคิดหาทางสกัดกองกำลังของพระรามไม่ให้เข้าประชิดกรุงลงกาได้วิธีหนึ่ง...นั้นก็คือ หวังยืมมือของนางสุพรรณมัจฉาผู้เป็นธิดาให้ออกคำสั่งใช้เหล่าปลาทั้งหลายในทะเลอันเป็นบริวารของนางทำลายการจองถนนของบรรดาวานรเสีย
เมื่อตกลงใจได้มั่นเหมาะแล้ว ทศกัณฐ์ก็เรียกนางสุพรรณมัจฉาเข้าเฝ้า มอบหมายหน้าที่นี้ให้แก่ธิดาครึ่งปลาทันที นางสุพรรณมัจฉาพอได้รับคำสั่งของบิดา นางก็เร่งปฏิบัติตาม พาเหล่าบริวารปลาใหญ่เล็กทั้งหลายแหล่ของนาง ไปยังบริเวณที่พลพรรควานรขนหินถมลงในน้ำจนเริ่มปรากฏเป็นเส้นทางแล้ว สั่งให้บรรดาปลาในน้ำลอบคาบก้อนหินไปทิ้งยังอ่าวลึก สุครีพผู้ควบคุมพลวานรจองถนนยิ่งดูก็ยิ่งสงสัย เพราะเห็นหินที่ถมลงไปมากมายก่ายกอง ลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ จึงปรึกษากับหนุมาน หนุมานเห็นจริงตามคำน้าชายว่า ก็อาสาจะลงไปดูลาดเลาในน้ำเอง จึงได้พบสาเหตุที่ทำให้ถนนทรุดลงเรื่อย ๆ ด้วยความโกรธ หนุมานชักตรีออกมาไล่ฆ่าฟันพวกปลาเสียมาก ต่อมานางสุพรรณมัจฉาเห็นเข้า ก็ว่ายหนีเข้าไปปะปนกับฝูงปลาอื่น ๆ เพราะความกลัว แต่ก็ยังไม่อาจหนีพ้น ถูกหนุมานตามทัน จับตัวไว้ได้ หนุมานที่กำลังโมโหพอจับตัวการใหญ่ได้ก็ตวาดถามด้วยโทสะ ทำให้นางนางสุพรรณมัจฉาที่กลัวลานอยู่แล้วยิ่งสั่นหนักเข้าไปใหญ่ นางได้สารภาพทุกอย่างตามจริงไม่มีปิดบัง ทั้งสัญญาจะขนหินมาคืนให้ เพียงวิงวอนหนุมานให้ไว้ชีวิตนางเท่านั้น หนุมานที่หูได้ยินเสียงวิงวอนหวาน ๆ ตาได้เห็นรูปโฉมสวย ๆ อารมณ์บูดจึงหายไปกว่าครึ่งแล้ว สิ่งเกิดขึ้นแทนที่คือ... ความเจ้าชู้ วานรทหารเอกของพระราม เลยแสดงบทบาทเกี้ยวพาราสีสาวสวยลูกครึ่ง (ครึ่งยักษ์ครึ่งปลา) อย่างไว้ฝีมือ จนนางสุพรรณมัจฉามีความหลงใหลหนุมานยิ่งนัก... นับว่า ‘ความรัก ไม่มีพรมแดน’ ได้จริง ๆ แล้วหนุมานก็เกลี้ยกล่อมให้นางสุพรรณมัจฉาเรียกบริวารปลาของนางไปขนหินกลับคืนมาช่วยกันทั้งบนบกและในน้ำ จนกระทั่งถนนสายสู่ลงกาสำเร็จด้วยดี จึงลาจากนาง กลับกองทัพไป รายงานผล หลังจากนุมานผละจากไปแล้ว นางสุพรรณมัจฉาก็เริ่มได้คิด นางไม่เพียงไม่อาจทำตามคำสั่งพระบิดาทำลายถนนทิ้งเท่านั้น ซ้ำร้ายยังมีส่วนช่วยสร้างถนนสายนี้ด้วย โทษแค่นี้ก็ถึงประหารแล้ว อย่าว่าแต่นางยังไปมีสัมพันธ์สวาทกับหนุมานทหารเอกของฝ่ายข้าศึก จนกำลังมีครรภ์เข้าอีก ยิ่งเป็นเหตุให้นางไม่กล้ากลับไปพบหน้าพระยายักษ์ทศกัณฐ์ ด้วยเหตุผลที่มีอันตรายรายล้อมรอบด้านนางสุพรรณมัจฉาจึงได้ตัดสินใจจะหาสถานที่เร้นลับซักแห่ง แอบสำรอกบุตรในท้องของนางไว้ นางหาได้เนินทรายชายหาดที่สงบเงียบแห่งหนึ่ง จึงอธิษฐานต่อบรรดาเทพยดานางฟ้าให้ช่วยนางและบุตรด้วย เทวดานางฟ้าจึงได้พากันมาแสดงตนให้นางได้เห็นตามคำอธิษฐาน และอำนวยพรให้ พอถึงฤกษ์ดี นางก็สำรอกบุตรออกมาได้อย่างง่ายดาย บุตรของนางสุพรรณมัจฉาเป็นชายผิวขาวผ่องกายเหมือนหนุมานไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย แถมมีหางเป็นปลา และพอเกิดก็ดูเติบใหญ่ราวอายุได้ 16 ปี (น่าจะนับว่าเป็นโชคดี ที่โอรสของนางดูเป็นแค่ครึ่งปลาครึ่งลิงเท่านั้น หากมีลักษณะครึ่งยักษ์ของทศกัณฐ์ผู้เป็นตาปนเข้าไปด้วย คงยิ่งดูนุงนัง กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่หาคำบรรยายไม่ค่อยถูกเลยที่เดียว) เหล่าเทวดานางฟ้าที่มาช่วยจึงตั้งชื่อให้ว่ามัจฉานุ แล้วพากันกลับวิมานไป นางสุพรรณมัจฉายิ่งชื่นชมบุตรของนางได้เพียงครู่เท่านั้น ก็ต้องจากไปเช่นกัน นางจึงบอกเล่าชาติกำเนิดแก่มัจฉานุว่า บิดาของมัจฉานุ ชื่อ หนุมาน เป็นทหารของพระราม จุดสังเกตคือ หนุมานมีมาลัยกุณฑล ขนแก้ว เขี้ยวเพชร เหาะเหินได้ และสามารถหาวเป็นดาวเป็นเดือน แล้วนางสุพรรณมัจฉาก็ลาจากลูกชายแหวกว่ายไปในทะเลใหญ่ เพื่อหาทางหลบซ่อนจากพระอาญาของทศกัณฐ์พระบิดาของนางเอง ทิ้งมัจฉานุไว้ตามลำพังบนเนินทรายนั้น บังเอิญไมยราพเจ้าเมืองบาดาลประพาสป่าผ่านมาพบเข้า รู้สึกถูกชะตายิ่ง จึงรับมัจฉานุไว้เป็นบุตรบุญธรรม ขุดสระใหญ่ให้เป็นด่านหน้าเมืองบาดาล
ส่วนทศกัณฐ์ที่เสียท่าในการศึกหลายหนได้ของความช่วยเหลือจากไมยราพที่เป็นพันธมิตรของลงกา ไมยราพเห็นแก่ความเป็นมิตร รับอาสาช่วยเหลือทศกัณฐ์ ด้วยการสะกดทัพวานรลักตัวพระรามไปกักไว้ในบาดาล พิเภกและพระลักษณ์ที่กำลังเศร้าโศกต่อการหายสาบสูญไปของพระเชษฐาว่าให้ส่งหนุมานตามไปช่วย หนุมานจึงติดตามมาถึงด่านหน้าเมืองบาดาลที่มัจฉานุอาศัยอยู่ สองพ่อลูกจึงเกิดสู้รบกันขึ้น แต่ต่างไม่สามารถเอาชนะกันและกันได้ ทำให้หนุมานสงสัยยิ่ง จึงสอบถามถึงเผ่าพงศ์ของมัจฉานุ ซึ่งมัจฉานุเองก็อดแคลงใจไม่ได้เหมือนกัน ที่คู่ต่อสู้ทำไมจึงมีหน้าตารูปกายคล้ายกับตนนัก จึงตอบตามสัตย์ว่า เป็นบุตรของพระนางสุพรรณมัจฉากับหนุมาน หนุมานรู้ก็ยินดียิ่ง แนะนำตัวเองต่อมัจฉานุว่าเป็นบิดา แต่มัจฉานุต้องการข้อยืนยัน หนุมานจึงเหาะขึ้นไปบนอากาศ และหาวเป็นดาวเป็นเดือนให้ดู มัจฉานุค่อยเชื่อว่าคือบิดา พอสองพ่อลูกได้รู้จักกันแล้ว สภาพการเป็นศัตรูก็เสื่อมสลายไป มัจฉานุยอมให้หนุมานผ่านด่านของตนลงสู่บาดาลไปช่วยเหลือพระรามโดยสะดวก เมื่อฝ่ายวานรช่วยเหลือพระรามออกไปจากบาดาลได้ และไมยราพพลาดท่าตายในที่รบและหนุมานก็มอบเมืองบาดาลให้ไวยวิก พระญาติผู้หนึ่งของไมยราพครอบครองต่อไป โดยมีมัจฉานุเป็นพระมหาอุปราช ก่อนจะกลับกองทัพวานรไปทำศึกสงครามต่อ ไวยวิกกับมัจฉานุที่ครอบครองเมืองบาดาลอย่างเป็นสุขมาตลอด วันหนึ่งเกิดอยากเข้าเฝ้าพระราม จึงจัดทัพเดินทางไปกรุงอยุธยา บังเอิญพบกับทัพท้าวชมพูเข้าที่หน้าเมืองอยุธยา สองทัพเกิดเข้าใจผิด จึงสู้รบกันเองซะอุตลุดวุ่นวาย พระรามได้ยินเสียงสู้รบกันดังสนั่น จึงให้หนุมานออกไปดู หนุมานเห็นเป็นพวกกันเองทั้งสองฝ่าย ก็เลยรีบเข้าห้าม และพาทั้งหมดเข้าเฝ้าพระราม พระรามเห็นว่าหางปลาของมัจฉานุดูเกะกะร่ารำราญ หนุมานก็เลยฉวยโอกาสนี้ทูลของพระรามช่วยตัดหางมัจฉานุออก พระรามไม่ขัด ทรงใช้พระขรรค์โมลีตัดหางปลาออกไปจากกายมัจฉานุด้วยความฉับไวแม่นยำทำให้มัจฉานุไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างไร ยังความยินดีแก่มัจฉานุยิ่งที่ไม่ต้องมีสภาพครึ่งปลาอีกต่อไป แต่โชคดีของมัจฉานุยังไม่หมดแค่นั้น พระรามยังทรงโปรดแต่งตั้งให้เป็นพระยาหนุราชไปครองเมืองมลิวัน มัจฉานุบุตรของนางสุพรรณมัจฉาเองนั้น ยังคงเวียนว่ายท่องเที่ยวไปในทะเลกว้างตามความเคยชิน นี่คือ ชีวิตรูปแบบหนึ่งของนางในวรรณคดีผู้มีเชื้อสายครึ่งยักษ์ครึ่งปลา และมีความงดงามคมซึ้งไม่ด้อยกว่าเทพธิดาบนสรวงสวรรค์... สุพรรณมัจฉา
ประวัติหนุมาน
หนุมาน เป็นลิงเผือก (กายสีขาว) มีลักษณะพิเศษ คือ
มีเขี้ยวแก้วอยู่กลางเพดานปาก มีกุณฑลขนเพชร
สามารถแผลงฤทธิ์ให้มีสี่หน้าแปดมือ แลหาวเป็นดาว
เป็นเดือนได้ ใช้ตรีเพชร (สามง่าม) เป็นอาวุธประจำตัว
(จะใช้เมื่อรบกับยักษ์ตัวสำคัญๆ) มีความเก่งกล้ามาก
สามารถแปลงกาย หายตัวได้ ทั้งยังอยู่ยงคงกระพัน
แม้ถูกอาวุธของศัตรูจนตาย เมื่อมีลมพัดมาก็จะฟื้นขึ้น
ได้อีก เมื่อนางสวาหะถูกมารดาสาปให้ไปยืนตีนเดียว
เหนี่ยวกินลม พระอิศวรจึงบัญชา ให้พระพายนำ
เทพอาวุธของพระองค์ไปซัดเข้าปากของนาง
นางจึงตั้งครรภ์และคลอดบุตรเป็นลิงเผือก
เหาะออกมาจากปาก ได้ชื่อว่าหนุมาน หนุมาน
จึงถือว่าพระพายเป็นพ่อของตน หนุมานได้ถวายตัว
เป็นทหารเอกของพระราม ช่วยทำการรบจนสิ้นสงคราม
หลังจากแผน "นางลอย" ของทศกัณฐ์ล้มเหลว กองทัพวานรของพระรามก็ได้เคลื่อนพลตรงมาอย่างรวดเร็วจนถึงฝั่งทะเล และถมหินเป็นเส้นทางใหญ่ ตัดผ่านห้วยน้ำมุ่งหน้าข้ามสู่ฝั่งลงกาอย่างขมีขมัน ข่าวจากแนวหน้าชิ้นนี้ทำให้ทศกัณฐ์เริ่มวิตกคิดหาทางสกัดกองกำลังของพระรามไม่ให้เข้าประชิดกรุงลงกาได้วิธีหนึ่ง...นั้นก็คือ หวังยืมมือของนางสุพรรณมัจฉาผู้เป็นธิดาให้ออกคำสั่งใช้เหล่าปลาทั้งหลายในทะเลอันเป็นบริวารของนางทำลายการจองถนนของบรรดาวานรเสีย
เมื่อตกลงใจได้มั่นเหมาะแล้ว ทศกัณฐ์ก็เรียกนางสุพรรณมัจฉาเข้าเฝ้า มอบหมายหน้าที่นี้ให้แก่ธิดาครึ่งปลาทันที นางสุพรรณมัจฉาพอได้รับคำสั่งของบิดา นางก็เร่งปฏิบัติตาม พาเหล่าบริวารปลาใหญ่เล็กทั้งหลายแหล่ของนาง ไปยังบริเวณที่พลพรรควานรขนหินถมลงในน้ำจนเริ่มปรากฏเป็นเส้นทางแล้ว สั่งให้บรรดาปลาในน้ำลอบคาบก้อนหินไปทิ้งยังอ่าวลึก สุครีพผู้ควบคุมพลวานรจองถนนยิ่งดูก็ยิ่งสงสัย เพราะเห็นหินที่ถมลงไปมากมายก่ายกอง ลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ จึงปรึกษากับหนุมาน หนุมานเห็นจริงตามคำน้าชายว่า ก็อาสาจะลงไปดูลาดเลาในน้ำเอง จึงได้พบสาเหตุที่ทำให้ถนนทรุดลงเรื่อย ๆ ด้วยความโกรธ หนุมานชักตรีออกมาไล่ฆ่าฟันพวกปลาเสียมาก ต่อมานางสุพรรณมัจฉาเห็นเข้า ก็ว่ายหนีเข้าไปปะปนกับฝูงปลาอื่น ๆ เพราะความกลัว แต่ก็ยังไม่อาจหนีพ้น ถูกหนุมานตามทัน จับตัวไว้ได้ หนุมานที่กำลังโมโหพอจับตัวการใหญ่ได้ก็ตวาดถามด้วยโทสะ ทำให้นางนางสุพรรณมัจฉาที่กลัวลานอยู่แล้วยิ่งสั่นหนักเข้าไปใหญ่ นางได้สารภาพทุกอย่างตามจริงไม่มีปิดบัง ทั้งสัญญาจะขนหินมาคืนให้ เพียงวิงวอนหนุมานให้ไว้ชีวิตนางเท่านั้น หนุมานที่หูได้ยินเสียงวิงวอนหวาน ๆ ตาได้เห็นรูปโฉมสวย ๆ อารมณ์บูดจึงหายไปกว่าครึ่งแล้ว สิ่งเกิดขึ้นแทนที่คือ... ความเจ้าชู้ วานรทหารเอกของพระราม เลยแสดงบทบาทเกี้ยวพาราสีสาวสวยลูกครึ่ง (ครึ่งยักษ์ครึ่งปลา) อย่างไว้ฝีมือ จนนางสุพรรณมัจฉามีความหลงใหลหนุมานยิ่งนัก... นับว่า ‘ความรัก ไม่มีพรมแดน’ ได้จริง ๆ แล้วหนุมานก็เกลี้ยกล่อมให้นางสุพรรณมัจฉาเรียกบริวารปลาของนางไปขนหินกลับคืนมาช่วยกันทั้งบนบกและในน้ำ จนกระทั่งถนนสายสู่ลงกาสำเร็จด้วยดี จึงลาจากนาง กลับกองทัพไป รายงานผล หลังจากนุมานผละจากไปแล้ว นางสุพรรณมัจฉาก็เริ่มได้คิด นางไม่เพียงไม่อาจทำตามคำสั่งพระบิดาทำลายถนนทิ้งเท่านั้น ซ้ำร้ายยังมีส่วนช่วยสร้างถนนสายนี้ด้วย โทษแค่นี้ก็ถึงประหารแล้ว อย่าว่าแต่นางยังไปมีสัมพันธ์สวาทกับหนุมานทหารเอกของฝ่ายข้าศึก จนกำลังมีครรภ์เข้าอีก ยิ่งเป็นเหตุให้นางไม่กล้ากลับไปพบหน้าพระยายักษ์ทศกัณฐ์ ด้วยเหตุผลที่มีอันตรายรายล้อมรอบด้านนางสุพรรณมัจฉาจึงได้ตัดสินใจจะหาสถานที่เร้นลับซักแห่ง แอบสำรอกบุตรในท้องของนางไว้ นางหาได้เนินทรายชายหาดที่สงบเงียบแห่งหนึ่ง จึงอธิษฐานต่อบรรดาเทพยดานางฟ้าให้ช่วยนางและบุตรด้วย เทวดานางฟ้าจึงได้พากันมาแสดงตนให้นางได้เห็นตามคำอธิษฐาน และอำนวยพรให้ พอถึงฤกษ์ดี นางก็สำรอกบุตรออกมาได้อย่างง่ายดาย บุตรของนางสุพรรณมัจฉาเป็นชายผิวขาวผ่องกายเหมือนหนุมานไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย แถมมีหางเป็นปลา และพอเกิดก็ดูเติบใหญ่ราวอายุได้ 16 ปี (น่าจะนับว่าเป็นโชคดี ที่โอรสของนางดูเป็นแค่ครึ่งปลาครึ่งลิงเท่านั้น หากมีลักษณะครึ่งยักษ์ของทศกัณฐ์ผู้เป็นตาปนเข้าไปด้วย คงยิ่งดูนุงนัง กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่หาคำบรรยายไม่ค่อยถูกเลยที่เดียว) เหล่าเทวดานางฟ้าที่มาช่วยจึงตั้งชื่อให้ว่ามัจฉานุ แล้วพากันกลับวิมานไป นางสุพรรณมัจฉายิ่งชื่นชมบุตรของนางได้เพียงครู่เท่านั้น ก็ต้องจากไปเช่นกัน นางจึงบอกเล่าชาติกำเนิดแก่มัจฉานุว่า บิดาของมัจฉานุ ชื่อ หนุมาน เป็นทหารของพระราม จุดสังเกตคือ หนุมานมีมาลัยกุณฑล ขนแก้ว เขี้ยวเพชร เหาะเหินได้ และสามารถหาวเป็นดาวเป็นเดือน แล้วนางสุพรรณมัจฉาก็ลาจากลูกชายแหวกว่ายไปในทะเลใหญ่ เพื่อหาทางหลบซ่อนจากพระอาญาของทศกัณฐ์พระบิดาของนางเอง ทิ้งมัจฉานุไว้ตามลำพังบนเนินทรายนั้น บังเอิญไมยราพเจ้าเมืองบาดาลประพาสป่าผ่านมาพบเข้า รู้สึกถูกชะตายิ่ง จึงรับมัจฉานุไว้เป็นบุตรบุญธรรม ขุดสระใหญ่ให้เป็นด่านหน้าเมืองบาดาล
ส่วนทศกัณฐ์ที่เสียท่าในการศึกหลายหนได้ของความช่วยเหลือจากไมยราพที่เป็นพันธมิตรของลงกา ไมยราพเห็นแก่ความเป็นมิตร รับอาสาช่วยเหลือทศกัณฐ์ ด้วยการสะกดทัพวานรลักตัวพระรามไปกักไว้ในบาดาล พิเภกและพระลักษณ์ที่กำลังเศร้าโศกต่อการหายสาบสูญไปของพระเชษฐาว่าให้ส่งหนุมานตามไปช่วย หนุมานจึงติดตามมาถึงด่านหน้าเมืองบาดาลที่มัจฉานุอาศัยอยู่ สองพ่อลูกจึงเกิดสู้รบกันขึ้น แต่ต่างไม่สามารถเอาชนะกันและกันได้ ทำให้หนุมานสงสัยยิ่ง จึงสอบถามถึงเผ่าพงศ์ของมัจฉานุ ซึ่งมัจฉานุเองก็อดแคลงใจไม่ได้เหมือนกัน ที่คู่ต่อสู้ทำไมจึงมีหน้าตารูปกายคล้ายกับตนนัก จึงตอบตามสัตย์ว่า เป็นบุตรของพระนางสุพรรณมัจฉากับหนุมาน หนุมานรู้ก็ยินดียิ่ง แนะนำตัวเองต่อมัจฉานุว่าเป็นบิดา แต่มัจฉานุต้องการข้อยืนยัน หนุมานจึงเหาะขึ้นไปบนอากาศ และหาวเป็นดาวเป็นเดือนให้ดู มัจฉานุค่อยเชื่อว่าคือบิดา พอสองพ่อลูกได้รู้จักกันแล้ว สภาพการเป็นศัตรูก็เสื่อมสลายไป มัจฉานุยอมให้หนุมานผ่านด่านของตนลงสู่บาดาลไปช่วยเหลือพระรามโดยสะดวก เมื่อฝ่ายวานรช่วยเหลือพระรามออกไปจากบาดาลได้ และไมยราพพลาดท่าตายในที่รบและหนุมานก็มอบเมืองบาดาลให้ไวยวิก พระญาติผู้หนึ่งของไมยราพครอบครองต่อไป โดยมีมัจฉานุเป็นพระมหาอุปราช ก่อนจะกลับกองทัพวานรไปทำศึกสงครามต่อ ไวยวิกกับมัจฉานุที่ครอบครองเมืองบาดาลอย่างเป็นสุขมาตลอด วันหนึ่งเกิดอยากเข้าเฝ้าพระราม จึงจัดทัพเดินทางไปกรุงอยุธยา บังเอิญพบกับทัพท้าวชมพูเข้าที่หน้าเมืองอยุธยา สองทัพเกิดเข้าใจผิด จึงสู้รบกันเองซะอุตลุดวุ่นวาย พระรามได้ยินเสียงสู้รบกันดังสนั่น จึงให้หนุมานออกไปดู หนุมานเห็นเป็นพวกกันเองทั้งสองฝ่าย ก็เลยรีบเข้าห้าม และพาทั้งหมดเข้าเฝ้าพระราม พระรามเห็นว่าหางปลาของมัจฉานุดูเกะกะร่ารำราญ หนุมานก็เลยฉวยโอกาสนี้ทูลของพระรามช่วยตัดหางมัจฉานุออก พระรามไม่ขัด ทรงใช้พระขรรค์โมลีตัดหางปลาออกไปจากกายมัจฉานุด้วยความฉับไวแม่นยำทำให้มัจฉานุไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างไร ยังความยินดีแก่มัจฉานุยิ่งที่ไม่ต้องมีสภาพครึ่งปลาอีกต่อไป แต่โชคดีของมัจฉานุยังไม่หมดแค่นั้น พระรามยังทรงโปรดแต่งตั้งให้เป็นพระยาหนุราชไปครองเมืองมลิวัน มัจฉานุบุตรของนางสุพรรณมัจฉาเองนั้น ยังคงเวียนว่ายท่องเที่ยวไปในทะเลกว้างตามความเคยชิน นี่คือ ชีวิตรูปแบบหนึ่งของนางในวรรณคดีผู้มีเชื้อสายครึ่งยักษ์ครึ่งปลา และมีความงดงามคมซึ้งไม่ด้อยกว่าเทพธิดาบนสรวงสวรรค์... สุพรรณมัจฉา
ประวัติหนุมาน
หนุมาน เป็นลิงเผือก (กายสีขาว) มีลักษณะพิเศษ คือ
มีเขี้ยวแก้วอยู่กลางเพดานปาก มีกุณฑลขนเพชร
สามารถแผลงฤทธิ์ให้มีสี่หน้าแปดมือ แลหาวเป็นดาว
เป็นเดือนได้ ใช้ตรีเพชร (สามง่าม) เป็นอาวุธประจำตัว
(จะใช้เมื่อรบกับยักษ์ตัวสำคัญๆ) มีความเก่งกล้ามาก
สามารถแปลงกาย หายตัวได้ ทั้งยังอยู่ยงคงกระพัน
แม้ถูกอาวุธของศัตรูจนตาย เมื่อมีลมพัดมาก็จะฟื้นขึ้น
ได้อีก เมื่อนางสวาหะถูกมารดาสาปให้ไปยืนตีนเดียว
เหนี่ยวกินลม พระอิศวรจึงบัญชา ให้พระพายนำ
เทพอาวุธของพระองค์ไปซัดเข้าปากของนาง
นางจึงตั้งครรภ์และคลอดบุตรเป็นลิงเผือก
เหาะออกมาจากปาก ได้ชื่อว่าหนุมาน หนุมาน
จึงถือว่าพระพายเป็นพ่อของตน หนุมานได้ถวายตัว
เป็นทหารเอกของพระราม ช่วยทำการรบจนสิ้นสงคราม
ประวัติพาลี
หรือ พญาพาลี เป็นลิงที่เป็นตัวละครตัวหนึ่งในเรื่องรามเกียรติ์ เป็นลิงเจ้าเมืองขีดขิน ที่มีฤทธิ์มากที่สุดตัวหนึ่ง มีกายสีเขียว เป็นโอรสของพระอินทร์ กับ นางอัจนา เดิมว่า กากาศ ตอนเด็กโดนฤๅษีโคดมสาปให้กลายเป็นลิงเช่นเดียวกันกับสุครีพ ซึ่งเป็นน้องชาย เพราะรู้ว่าทั้ง 2 เป็นลูกชู้ ต่อมาพระอินทร์ผู้พ่อได้สร้างเมืองชื่อ ขีดขินให้พาลีปกครอง และตั้งชื่อให้ใหม่ว่า พระยากากาศ ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น พาลี เคยต่อสู้กับ ทรพี ควายที่ฆ่า ทรพา พ่อของตนเอง ที่มีเทวดาอารักขาขาทั้งสี่ข้างและสองเขา ซึ่งพาลีจะต้องเข้าไปสู้ในถ้ำสุรกานต์ ก่อนไปได้สั่งเสียสุครีพไว้ว่า ถ้าผ่านไปเจ็ดวันแล้ว ถ้าตนไม่กลับมา ให้ไปดูรอยเลือด ถ้าเลือดข้นนั้นคือ เลือดทรพี ถ้าเลือดใสนั้นคือเลือดตน
ตอนที่พระอิศวรฝากนางดารามากับพาลีเพื่อให้กับสุครีพผู้เป็นน้อง พาลีได้ยึดนางดาราไว้เป็นภรรยาเสียเอง พาลีเคยแย่งนางมณโฑกับทศกัณฐ์เมื่อตอนที่เหาะผ่านเมืองขีดขินด้วย และมีบุตรกับนางมณโฑ คือ
องคตสุดท้ายพาลีสิ้นชีวิตจากศรของพระราม ก่อนตายพาลีได้เห็นร่างที่แท้จริงของพระราม ว่าเป็นพระนารายณ์อวตาร จึงได้สำนึกผิด และเรียกสุครีพมาสั่งสอน ซึ่งเรียกว่า "พาลีสอนน้อง" และฝากฝังเมืองขีดขินไว้ ในศาสนาฮินดูพาลีไม่ได้ยึดนางดาราภรรยาของสุครีพ และเป็นกษัตริย์ที่ทรงคุณธรรม เขาตายเนื่องจากพระรามลอบสังหารเขาในขณะต่อกรกับสุครีพ ในชาติต่อไปเขาไปเกิดเป็นนายพรานจาราและสังหารพระกฤษณะซึ่งเป็นพระรามในชาติก่อน
ประวัติสุครีพ
สุครีพ เป็นลิงมีกายสีแดง เป็นลูกของพระอาทิตย์กับ
นางกาลอัจนา สุครีพมีศักดิ์เป็นน้าของหนุมาน
เมื่อพระฤาษีโคดมรู้ความจริงจากนางสวาหะว่า
สุครีพไม่ใช่ลูกของตน แต่เป็นลูกชู้ จึงสาปให้กลาย
เป็นลิงพร้อมกับพาลีผู้เป็นพี่ชาย ซึ่งเป็นลูกของพระอินทร์
แล้วไล่ให้เข้าป่าไป ต่อมาสุครีพได้เป็นทหารเอกของ
พระราม ได้รับความไว้วางพระทัยจากพระราม ให้เป็น
ผู้คุมกองทัพ ออกสู้รบกับกองทัพของกรุงลงกาอยู่เสมอ
สุครีพ เป็นลิงมีกายสีแดง เป็นลูกของพระอาทิตย์กับ
นางกาลอัจนา สุครีพมีศักดิ์เป็นน้าของหนุมาน
เมื่อพระฤาษีโคดมรู้ความจริงจากนางสวาหะว่า
สุครีพไม่ใช่ลูกของตน แต่เป็นลูกชู้ จึงสาปให้กลาย
เป็นลิงพร้อมกับพาลีผู้เป็นพี่ชาย ซึ่งเป็นลูกของพระอินทร์
แล้วไล่ให้เข้าป่าไป ต่อมาสุครีพได้เป็นทหารเอกของ
พระราม ได้รับความไว้วางพระทัยจากพระราม ให้เป็น
ผู้คุมกองทัพ ออกสู้รบกับกองทัพของกรุงลงกาอยู่เสมอ
ชมพูพาน
เป็นตัวละครจากวรรณกรรมเรื่อง "รามเกียรติ์" เป็นลิงกายสีหงส์ชาด (สีแดง) เป็นลูกเลี้ยงของพญาพาลีแห่งเมืองขีดขิน ถือกำเนิดมาจากเหงื่อไคล พระอิศวร มีความรู้ในเรื่องยา สุครีพจึงพาไปถวายตัวต่อพระราม จึงมีหน้าที่เป็นแพทย์ประจำกองทัพพระราม เคยติดตามหนุมานและองคต ในตอนหนุมานไปถวายแหวนแก่นางสีดา ที่กรุงลงกา เมื่อครั้งศึกทศพิน ชมพูพานก็ได้รับมอบหมายให้เป็นทูตถือพระราชสารประกาศสงคราม เมื่อสิ้นศึกกรุงลงกา พระรามทรงปูนบำเหน็จรางวัลให้ไปเป็นเจ้ากรุงปางตาล
ลักษณะหัวโขนของชมพูพานนั้นเป็นรูปหน้าวานรปากอ้า สีหงชาด สวมชฎายอดชัย
หน้าวานรปากอ้าสีม่วงอ่อน หัวโล้น สวมาลัยรักร้อยไม่ปรากฏว่าเป็นฝ่ายใด ท้าววิรูปักษ์โลกบาลประจำทิศตะวันตก แบ่งภาคลงมาช่วยปราบอสูร
เป็นตัวละครจากวรรณกรรมเรื่อง "รามเกียรติ์" เป็นลิงกายสีหงส์ชาด (สีแดง) เป็นลูกเลี้ยงของพญาพาลีแห่งเมืองขีดขิน ถือกำเนิดมาจากเหงื่อไคล พระอิศวร มีความรู้ในเรื่องยา สุครีพจึงพาไปถวายตัวต่อพระราม จึงมีหน้าที่เป็นแพทย์ประจำกองทัพพระราม เคยติดตามหนุมานและองคต ในตอนหนุมานไปถวายแหวนแก่นางสีดา ที่กรุงลงกา เมื่อครั้งศึกทศพิน ชมพูพานก็ได้รับมอบหมายให้เป็นทูตถือพระราชสารประกาศสงคราม เมื่อสิ้นศึกกรุงลงกา พระรามทรงปูนบำเหน็จรางวัลให้ไปเป็นเจ้ากรุงปางตาล
ลักษณะหัวโขนของชมพูพานนั้นเป็นรูปหน้าวานรปากอ้า สีหงชาด สวมชฎายอดชัย
มัจฉานุ
หน้าวานรปากอ้า สีขาวผ่อง หัวโล้น สวมมาลัยทอง
มัจฉานุ ตัวเป็นวานร หางเป็นปลา เป็นบุตรหนุมานกับนางสุพรรณมัจฉา ต่อมาได้เป็นบุตรบุญธรรมของไมยราพณ์ และได้ต่อสู้กับพ่อของตน เหตุเพราะไม่เคยได้เจอหนุมานมาก่อน
อสุรผัด
อสุรผัด เป็นบุตรของหนุมานกับนางเบญกาย มีหน้าเป็นลิง แต่ศีรษะและตัวเป็นยักษ์ กายสีเหลืองเลื่อมๆ เมื่อพิเภกซึ่งเป็นตาถูกท้าวจักรวรรดิ กับไพนาสุริยวงศ์ จับไปขังไว้ อสุรผัดจึงหนีมาหาหนุมาน เล่าเรื่องราวให้ฟัง พระรามจึงโปรดให้พระพรตกับพระสัตรุดยกกองทัพไปปราบ ซึ่งเป็นการทำศึกกับกรุงลงกาครั้งที่สอง เมื่อเสร็จศึกแล้ว พระรามได้แต่งตั้งให้อสุรผัดมีตำแห่งเป็นพระยามารนุราชมหาอุปราชแห่งกรุงลงกา มาลุนทเกสร
หน้าวานรปากหุบ บางแห่งว่าปากอ้า สีเมฆ หัวโล้น สวมมาลัยรักร้อยมาลุนเกสรนี้ คือ พระพฤหัสบดี เทวดานพเคราะห์ แบ่งภาคลงมาเป็นเสนาวานรฝ่ายเมืองขีดขิน
มายูร
หน้าวานรปากอ้าสีม่วงอ่อน หัวโล้น สวมาลัยรักร้อยไม่ปรากฏว่าเป็นฝ่ายใด ท้าววิรูปักษ์โลกบาลประจำทิศตะวันตก แบ่งภาคลงมาช่วยปราบอสูร
นิลเอก
หน้าวานรปากอ้าสีทองแดงแก่ บางแห่งว่าปากหุบ หัวโล้น สวมมาลัยรักร้อยนิลเอกเป็นพวกเสนาวานรสิบแปดมงกุฎ ฝ่ายเมืองชมพู แบ่งภาคลงมาจากพระพินาย
นิลราช
หน้าวานรปากอ้าสีน้ำไหล บางแห่งว่าปากหุบ หรือสีฟ้าอ่อน หัวโล้น สวมมาลัยรักร้อย นิลราชเป็นพระสมุทร แบ่งภาคลงมาเกิดเป็นเสนาวานรสิบแปดมงกุฎฝ่ายเมืองชมพู
นิลพัท
หน้าวานรปากอ้า สีน้ำรัก หรือ สีดำขลับ หัวโล้น สวมมาลัยทอง เป็นบุตรพระกาลซึ่งพระอิศวรประทานให้ไปอยู่ช่วยกิจการบ้านเมืองของท้าวมหาชมพู
นิลนนท์
หน้าวานรปากอ้าสีหงสบาท หรือ สีหงเสนเจือสีเหลือง หัวโล้น สวมมาลัยทอง พญาวานรตัวนี้เป็นบุตรพระเพลิง มีบทบาททำลายพิธีทศกัณฐ์ตั้งอุโมงค์ร่วมกับสุครีพและหนุมาน เสร็จศึกลงกาได้เป็นอุปราชเมืองชมพู
นิลขัน
หน้าวานรปากอ้าสีหงดินแก่ หรือ สีอิฐแก่ หัวโล้น สวมมาลัยรักร้อย เป็นเสนาวานรสิบแปดมงกุฎฝ่ายเมืองชมพู แบ่งภาคมาจากพระพิฆเณศ
ประวัติทศกัณฐ์
ทศกัณฐ์ เป็นกษัตริย์แห่งกรุงลงกา นับว่าเป็นตัวเอกของ
ทศกัณฐ์ เป็นกษัตริย์แห่งกรุงลงกา นับว่าเป็นตัวเอกของ
เรื่องรามเกียรติ์ มีกายสีเขียว มี ๑๐ พักตร์ ๒๐ กรทรงมงกุฏชัยลักษณะปากแสยะตาโพลง ทศกัณฐ์ เดิมเป็นยักษ์นนทกกลับชาติมาเกิด เพื่อรบกับ
พระนารายณ์ ซึ่งอวตารมาเกิดเป็นมนุษย์ ไม่มีใครฆ่าให้
ตายได้ เพราะทศกัณฐ์ถอดดวงใจ ใส่กล่องฝากไว้
กับพระฤาษีโบุตรผู้เป็นอาจารย์ ทศกัณฐ์มีนิสัยเจ้าชู้ มีชายา
และนางสนมมากมาย แต่ถึงกระนั้นเมื่อรู้ว่านางสีดาเป็นหญิง
ที่มีความงดงามมาก แม้นางจะมีพระสวามีอยู่แล้ว ก็ยัง
ลักพาตัวไป จึงเป็นสาเหตุให้ต้องทำศึกกับพระราม
จนญาติมิตรล้มตายไปเป็นจำนวนมาก และในที่สุดตนเอง
ก็ถูกพระรามฆ่าตาย
พระนารายณ์ ซึ่งอวตารมาเกิดเป็นมนุษย์ ไม่มีใครฆ่าให้
ตายได้ เพราะทศกัณฐ์ถอดดวงใจ ใส่กล่องฝากไว้
กับพระฤาษีโบุตรผู้เป็นอาจารย์ ทศกัณฐ์มีนิสัยเจ้าชู้ มีชายา
และนางสนมมากมาย แต่ถึงกระนั้นเมื่อรู้ว่านางสีดาเป็นหญิง
ที่มีความงดงามมาก แม้นางจะมีพระสวามีอยู่แล้ว ก็ยัง
ลักพาตัวไป จึงเป็นสาเหตุให้ต้องทำศึกกับพระราม
จนญาติมิตรล้มตายไปเป็นจำนวนมาก และในที่สุดตนเอง
ก็ถูกพระรามฆ่าตาย
ประวัติพิเภก
พิเภก คือ เทพบุตรเวสสุญาณ จุติลงมาเกิดเพื่อช่วยพระราม
ปราบทศกัณฐ์ มีกายสีเขียว เป็นน้องของทศกัณฐ์ มีความรู้
ทางโหราศาสตร์อย่างยอดเยี่ยม สามารถทำนายเหตุการณ์
์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ เมื่อทศกัณฐ์ลักพานางสีดามา
พิเภกได้ทูลตักเตือน และแนะนำให้ส่งนางสีดาคืนไป
ทำให้ทศกัณฐ์โกรธมาก จนขับไล่พิเภกออกไปจากเมือง
พิเภกจึงไปสวามิภักดิ์กับพระราม ให้คำแนะนำที่เป็น
ประโยชน์ จนกระทั่งพระรามชนะสงคราม หลังจากเสร็จ
ศึกแล้ว พระรามได้สถาปนาให้พิเภกเป็นกษัตริย์ครองกรุง
ลงกา มีพระนามว่า ท้าวทศคีรีวงศ์
พิเภก คือ เทพบุตรเวสสุญาณ จุติลงมาเกิดเพื่อช่วยพระราม
ปราบทศกัณฐ์ มีกายสีเขียว เป็นน้องของทศกัณฐ์ มีความรู้
ทางโหราศาสตร์อย่างยอดเยี่ยม สามารถทำนายเหตุการณ์
์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ เมื่อทศกัณฐ์ลักพานางสีดามา
พิเภกได้ทูลตักเตือน และแนะนำให้ส่งนางสีดาคืนไป
ทำให้ทศกัณฐ์โกรธมาก จนขับไล่พิเภกออกไปจากเมือง
พิเภกจึงไปสวามิภักดิ์กับพระราม ให้คำแนะนำที่เป็น
ประโยชน์ จนกระทั่งพระรามชนะสงคราม หลังจากเสร็จ
ศึกแล้ว พระรามได้สถาปนาให้พิเภกเป็นกษัตริย์ครองกรุง
ลงกา มีพระนามว่า ท้าวทศคีรีวงศ์
อินทรชิต
กายสีเขียว 1 พักตร์ 2 กร ทรงมงกุฎเดินหนของพระอินทร์ ปากขบ ตาโพลง เขี้ยวคุด (เขี้ยวดอกมะลิ)
เป็นบุตรของ ทศกัณฐ์ กับ นางมณโฑ
เดิมชื่อ รณพักตร์
แต่ต่อมามีฤทธิ์มากจนสามารถรบชนะ พระอินทร์ จึงได้ชื่อใหม่ว่า อินทรชิต
มีเมียชื่อ นางกันยุมา มีบุตร 2 คน ชื่อ ยามลิวัน และ กันยุเวก
อินทรชิตเดิมชื่ออ้าง รณพักตร์
เทพประสาทศรศักดิ์ สิทธิ์ให้
ทรงมงกุฎมนุษย์ลักษณ์ สีเทห์ เขียวนอ
เขี้ยวงอกกลับบุตรไท้ แทตย์ท้าวทศกัณฐ์
อินทรชิตเป็นศิษย์ของ ฤาษีโคบุตร เช่นเดียวกับทศกัณฐ์ ได้พยายามบริกรรมเพื่อขออาวุธจากเทพเจ้าอยู่ถึง 17 ปี
ในที่สุดทั้ง พระอิศวร, พระนารายณ์ และ พระพรหม ทนไม่ได้ต้องลงมาประทานศรให้ 3 เล่ม ได้แก่ ศรนาคบาศ ศรพรหมมาสตร์ ศรวิษณุปาณัม ทั้งยังสามารถแปลงกายเป็นพระอินทร์ได้อีกด้วย
บทบาทสำคัญของอินทรชิตในเรื่องรามเกียรติ์มีอยู่หลายตอน เช่น
ครั้งที่ หนุมาน มาสืบข่าว นางสีดา ที่กรุงลงกานั้น อินทรชิตเป็นผู้จับหนุมานได้
หรือในการรบกับ พระลักษมณ์ ครั้งที่ 1 อินทรชิตถูกศรพลายวาตจนต้องหนีกลับมาทำพิธีชุบศรนาคบาศในโพรงไม้โรทัน แต่ถูก ชามพูวราช แปลงกายเป็นหมีไปกัดต้นไม้ล้ม ทำลายพิธี
ต่อมาได้รบกับพระลักษมณ์อีกครั้ง อินทรชิตแผลงศรนาคบาศเป็นนาคมารัดกองทัพพระลักษมณ์ แต่ พระราม ได้แผลงศรพลายวาต เรียกพญาครุฑมาช่วย นาคกลัวครุฑ จึงหนีไปจนหมดสิ้น
อินทรชิตหลบไปทำพิธีชุบศรพรหมศาสตร์ โดยให้ ยักษ์กำปั่น เฝ้าขัดตาทัพ แต่หนุมานมาฆ่ายักษ์กำปั่นตายจนพิธีล้มเหลว
ต่อมาอินทรชิตออกรบโดยแปลงเป็นพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ แผลงศรถูกกองทัพพระลักษมณ์ล้มหมด หนุมานจะเข้าแก้จึงโดดไปหักคอช้างเอราวัณ แต่ถูกอินทรชิตตีด้วยศรพรหมาสตร์จนบาดเจ็บ
อินทรชิตหวังใช้กลลวง จึงให้ สุขาจาร แปลงเป็นนางสีดา แล้วนำไปฆ่าที่สนามรบ แต่ฝ่ายพระรามก็รู้เท่าทันกลอุบาย อินทรชิตต้องหลบไปทำพิธีกุมภนิยา (พิธีชุบตัว) แต่พระลักษมณ์ก็ผู้ทำลายพิธีได้อีก
ศึกสุดท้ายของอินทรชิตนั้น เมื่อร่ำลาลูกเมียแล้วก็เอาศรสุรกานต์จากทศกัณฐ์ไปรบ แต่ในศึกนี้ อินทรชิตถูกศรของพระลักษมณ์ตัดคอขาดถึงแก่ความตายกลางอากาศ พิเภกรีบให้ องคต ไปขอพานแก้วจาก ท้าวธาดาพรหม มารองรับศีรษะอินทรชิต เพราะอินทรชิตได้รับพรจากพระอิศวรว่า แม้นตายถ้าเศียรของอินทรชิตตกดินที่ใดที่นั้นจะเกิดไฟบรรลัยกัลป์ขึ้น แล้วพระรามจึงแผลงศรไปยิงศีรษะอินทรชิตบนพานกลางอากาศนั้นไหม้เป็นจุลไป
กายสีเขียว 1 พักตร์ 2 กร ทรงมงกุฎเดินหนของพระอินทร์ ปากขบ ตาโพลง เขี้ยวคุด (เขี้ยวดอกมะลิ)
เป็นบุตรของ ทศกัณฐ์ กับ นางมณโฑ
เดิมชื่อ รณพักตร์
แต่ต่อมามีฤทธิ์มากจนสามารถรบชนะ พระอินทร์ จึงได้ชื่อใหม่ว่า อินทรชิต
มีเมียชื่อ นางกันยุมา มีบุตร 2 คน ชื่อ ยามลิวัน และ กันยุเวก
อินทรชิตเดิมชื่ออ้าง รณพักตร์
เทพประสาทศรศักดิ์ สิทธิ์ให้
ทรงมงกุฎมนุษย์ลักษณ์ สีเทห์ เขียวนอ
เขี้ยวงอกกลับบุตรไท้ แทตย์ท้าวทศกัณฐ์
อินทรชิตเป็นศิษย์ของ ฤาษีโคบุตร เช่นเดียวกับทศกัณฐ์ ได้พยายามบริกรรมเพื่อขออาวุธจากเทพเจ้าอยู่ถึง 17 ปี
ในที่สุดทั้ง พระอิศวร, พระนารายณ์ และ พระพรหม ทนไม่ได้ต้องลงมาประทานศรให้ 3 เล่ม ได้แก่ ศรนาคบาศ ศรพรหมมาสตร์ ศรวิษณุปาณัม ทั้งยังสามารถแปลงกายเป็นพระอินทร์ได้อีกด้วย
บทบาทสำคัญของอินทรชิตในเรื่องรามเกียรติ์มีอยู่หลายตอน เช่น
ครั้งที่ หนุมาน มาสืบข่าว นางสีดา ที่กรุงลงกานั้น อินทรชิตเป็นผู้จับหนุมานได้
หรือในการรบกับ พระลักษมณ์ ครั้งที่ 1 อินทรชิตถูกศรพลายวาตจนต้องหนีกลับมาทำพิธีชุบศรนาคบาศในโพรงไม้โรทัน แต่ถูก ชามพูวราช แปลงกายเป็นหมีไปกัดต้นไม้ล้ม ทำลายพิธี
ต่อมาได้รบกับพระลักษมณ์อีกครั้ง อินทรชิตแผลงศรนาคบาศเป็นนาคมารัดกองทัพพระลักษมณ์ แต่ พระราม ได้แผลงศรพลายวาต เรียกพญาครุฑมาช่วย นาคกลัวครุฑ จึงหนีไปจนหมดสิ้น
อินทรชิตหลบไปทำพิธีชุบศรพรหมศาสตร์ โดยให้ ยักษ์กำปั่น เฝ้าขัดตาทัพ แต่หนุมานมาฆ่ายักษ์กำปั่นตายจนพิธีล้มเหลว
ต่อมาอินทรชิตออกรบโดยแปลงเป็นพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ แผลงศรถูกกองทัพพระลักษมณ์ล้มหมด หนุมานจะเข้าแก้จึงโดดไปหักคอช้างเอราวัณ แต่ถูกอินทรชิตตีด้วยศรพรหมาสตร์จนบาดเจ็บ
อินทรชิตหวังใช้กลลวง จึงให้ สุขาจาร แปลงเป็นนางสีดา แล้วนำไปฆ่าที่สนามรบ แต่ฝ่ายพระรามก็รู้เท่าทันกลอุบาย อินทรชิตต้องหลบไปทำพิธีกุมภนิยา (พิธีชุบตัว) แต่พระลักษมณ์ก็ผู้ทำลายพิธีได้อีก
ศึกสุดท้ายของอินทรชิตนั้น เมื่อร่ำลาลูกเมียแล้วก็เอาศรสุรกานต์จากทศกัณฐ์ไปรบ แต่ในศึกนี้ อินทรชิตถูกศรของพระลักษมณ์ตัดคอขาดถึงแก่ความตายกลางอากาศ พิเภกรีบให้ องคต ไปขอพานแก้วจาก ท้าวธาดาพรหม มารองรับศีรษะอินทรชิต เพราะอินทรชิตได้รับพรจากพระอิศวรว่า แม้นตายถ้าเศียรของอินทรชิตตกดินที่ใดที่นั้นจะเกิดไฟบรรลัยกัลป์ขึ้น แล้วพระรามจึงแผลงศรไปยิงศีรษะอินทรชิตบนพานกลางอากาศนั้นไหม้เป็นจุลไป
ไมยราพ
เป็นยักษ์ มีกายสีม่วงอ่อน เป็นญาติของทศกัณฐ์ ปกครองเมืองบาดาลอยู่ มีอาวุธ คือ กล้องยาสะกด ใช้สำหรับเป่าเพื่อสะกดให้กองทัพของข้าศึกหลับใหล ไมยราพ ถอดดวงใจ ใส่ตัวแมลงภู่ ซ่อนไว้บนยอดเขาตรีกูฏ จึงไม่มีใครฆ่าให้ตายได้ วันหนึ่งไมยราพไปพบมัจฉานุ ซึ่งนางสุพรรณมัจฉามาคลอดทิ้งไว้ที่หาดทราย จึงเก็บไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ต่อมา ไมยราพ ช่วยทศกัณฐ์ทำสงคราม โดยเป่ากล้องยา สะกดกองทัพ ของพระรามแล้ว จับพระรามไปขัง ไว้ที่เมืองบาดาล หนุมานตามลงไปช่วยพระรามและฆ่าไมยราพตายโดยจับตัวแมลงภู่มาขยี้
ประวัติกุมภกรรณ
กุมภกรรณ เป็นยักษ์มีกายสีเขียว มีหอกโมกขศักดิ์เป็นอาวุธ
ได้ชื่อว่า กุมภกรรณ (หูหม้อ) เพราะมีร่างกายใหญ่โต
จนเอาหม้อใส่ไว้ในหูได้
กุมภกรรณ เป็นยักษ์มีกายสีเขียว มีหอกโมกขศักดิ์เป็นอาวุธ
ได้ชื่อว่า กุมภกรรณ (หูหม้อ) เพราะมีร่างกายใหญ่โต
จนเอาหม้อใส่ไว้ในหูได้
กุมภกรรณ เป็นน้องร่วมมารดาของทศกัณฐ์ โดยเป็นพี่ของพิเภก
ครั้งหนึ่ง กุมภกรรณออกรบกับพระลักษมณ์ ได้พุ่ง
หอกโมกขศักดิ์ไปถูกพระลักษมณ์จนสลบ แต่พิเภกและหนุมาน
ช่วยแก้ไขให้ฟื้นได้ ต่อมา กุมภกรรณได้ทำพิธีทดน้ำ
โดยเนรมิตรกายให้ใหญ่โตขวางทางน้ำไว้ เพื่อให้กองทัพ
ของพระรามอดน้ำตาย แต่ถูกหนุมานทำลายพิธี
ครั้งหนึ่ง กุมภกรรณออกรบกับพระลักษมณ์ ได้พุ่ง
หอกโมกขศักดิ์ไปถูกพระลักษมณ์จนสลบ แต่พิเภกและหนุมาน
ช่วยแก้ไขให้ฟื้นได้ ต่อมา กุมภกรรณได้ทำพิธีทดน้ำ
โดยเนรมิตรกายให้ใหญ่โตขวางทางน้ำไว้ เพื่อให้กองทัพ
ของพระรามอดน้ำตาย แต่ถูกหนุมานทำลายพิธี
ครั้งสุดท้าย กุมภกรรณออกรบกับพระราม ถูกศรของพระราม
จนเสียชีวิต
จนเสียชีวิต
นางพิรากวน
เป็นธิดาของท้าวมหายมยักษ์กับนางจันทรประภา เป็นพี่สาวของมัยราพณ์เจ้ากรุงบาดาล
เป็นแม่ของไวยวิกในตอนที่มัยราพณ์สะกดทัพลักพาพระรามลงไปใส่กรงเหล็กไว้ในเมืองบาดาล หนุมานตามลงไปช่วย ขณะนั้นไวยวิกถูกมัยราพณ์สั่งจำตรุ(คือขังกรง)อยู่ นางช่วยให้หนุมานผ่านด่านเข้ากรุงลงกาไปได้ โดยแปลงกายเป็นไรเกาะตัวนางเข้าไป เมื่อผ่านด่านที่ต้องขึ้นตาชั่ง ๆ น้ำหนัก ตาชั่งหักเพราะน้ำหนักเกิน นายด่านสงสัย นางก็ทำมารยาต่าง ๆ นานาจนหนุมานผ่านด่านเข้าไปช่วยพระรามได้สำเร็จ ซึ่งตรงนี้เป็นที่มาของสำนวนไทยว่า "มารยาพิรากวน"
เมื่อหนุมานพาพระรามกลับขึ้นไปวางไว้ที่สุวรรณบัลลังก์ แล้วกลับมารบกับมัยราพณ์ ฆ่ามัยราพณ์ไม่ตาย ถามนางพิรากวน ๆ บอกว่า มัยราพณ์ถอดดวงใจไว้ในแมลงภู่ที่ยอดเขาตรีกูฎ หนุมานจึงเนรมิตกายให้ใหญ่ เอื้อมมือไปจับเอาแมลงภู่มาขยี้ เมื่อมัยราพณ์ตาย หนุมานได้ปล่อยไวยวิกออกมา และให้เปนเจ้าเมืองบาดาลแทน
เมื่อหนุมานพาพระรามกลับขึ้นไปวางไว้ที่สุวรรณบัลลังก์ แล้วกลับมารบกับมัยราพณ์ ฆ่ามัยราพณ์ไม่ตาย ถามนางพิรากวน ๆ บอกว่า มัยราพณ์ถอดดวงใจไว้ในแมลงภู่ที่ยอดเขาตรีกูฎ หนุมานจึงเนรมิตกายให้ใหญ่ เอื้อมมือไปจับเอาแมลงภู่มาขยี้ เมื่อมัยราพณ์ตาย หนุมานได้ปล่อยไวยวิกออกมา และให้เปนเจ้าเมืองบาดาลแทน